บวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา หลวงพ่อธัมมชโย
ในวาระวันเข้าพรรษา วันเสาร์ที่ 16 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2554 ณ อุโบสถ วัดพระธรรมกาย
วันนี้ เราก็ได้พร้อมใจกันกล่าวคำอธิษฐานจิต และตั้งใจที่จะอยู่จำพรรษากันที่วัดพระธรรมกาย ก็ได้บอกขอบเขตกันไปเรียบร้อยแล้ว เรากล่าวคำอยู่จำพรรษาด้วยความสมัครใจ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ว่า พรรษานี้เราจะไม่ไปแรมราตรีที่ไหน จะมุ่งมั่นใช้ทุกอนุวินาทีในพรรษานี้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการมาบวชในคราวนี้ เรามีวัตถุประสงค์ของการบวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง สลัดตนให้พ้นจากกองทุกข์ นี่คือวัตถุประสงค์การบวชอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นภายในพรรษานี้อย่าให้วันคืนล่วงไปโดยเปล่าประโยชน์ เราจะต้องเตือนตัวเองสอนตัวเองให้ได้ตลอดเวลาว่า เรามาบวชเพื่อวัตถุประสงค์อย่างนี้เท่านั้น ไม่ใช่อย่างอื่น ถ้ารองลงมาก็เพื่อสั่งสมบารมี บำเพ็ญเนกขัมมบารมีของเราให้เพิ่มขึ้น แต่เป้าหมายหลักก็คือ “การทำพระนิพพานให้แจ้ง”
การทำพระนิพพานให้แจ้งนี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิตในสังสารวัฏ เพราะชีวิตในสังสารวัฏนี้ไม่ปลอดภัย เนื่องจากเราตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม กฎแห่งไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา และก็กฎเกณฑ์อีกมากมาย อย่างที่เราได้เคยได้ยินได้ฟังกันมา ทั้งๆที่เราก็ไม่อยากจะอยู่ในกฎเกณฑ์นี้ แต่ถ้าชีวิตในสังสารวัฏ ในภพสามนี้ ทั้งกามภพ รูปภพ อรูปภพ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าพูดพอเข้าใจก็คือ มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่ปกครองดูแลชีวิตของเรา ที่ต้องตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมก็เพราะพญามารเอากิเลสมาบังคับสรรพสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งตัวของเราด้วย ให้สร้างกรรม เมื่อสร้างกรรมก็มีวิบาก ก็เอาวิบากปรับคดี โดยที่เราไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลยว่า ทำไมเราจะต้องมาตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อย่างนี้ แต่จะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตามก็ตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมนี้ และก็มีภพภูมิรองรับ มีอบายภูมิ มหานรก อุสสทนรก ยมโลก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ภพภูมิของมนุษย์ สวรรค์อะไรต่างๆเหล่านี้ เป็นต้น รองรับกันอยู่ ถ้าส่วนสุคติก็เป็นของฝ่ายบุญ ถ้าส่วนทุคติเป็นของฝ่ายบาป
ชีวิตเราก็มีแต่บุญกับบาปเท่านั้นที่คอยบังคับบัญชาเราอยู่ แต่เราไม่รู้เรื่องเลย จนกระทั่งมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และพบหนทางแห่งความพ้นทุกข์ เพราะเบื่อหน่ายชีวิตในการเวียนว่ายตายเกิด และก็เอาชีวิตเป็นเดิมพันจึงค้นพบวิธีที่จะเดินทางออกจากสังสารวัฏไปสู่ภพภูมิที่พ้นจากกฎเกณฑ์ดังกล่าว เป็นที่ๆปลอดภัย มีแต่บรมสุขล้วนๆ นั่นก็คือ อายตนนิพพาน เมื่อพระองค์บรรลุธรรมแล้ว ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ จึงนำมาถ่ายทอดสั่งสอนเพื่อให้เราเป็นอย่างพระองค์ คือ พ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิต เหมือนนักโทษเหมือนเชลยศึกที่ตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร ให้เป็นอิสรภาพพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด แล้วก็ไปสู่อายตนนิพพานเช่นเดียวกับพระองค์
พระธรรม คือ คำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ถ่ายทอด ในสิ่งที่พระองค์ได้รู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอด เพื่อให้เราได้ทำตามท่าน ท่านทำอย่างไรเราก็ทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้นท่านเป็นอย่างไรเราก็จะเป็นอย่างนั้น ท่านดับทุกข์ได้ เราก็จะดับทุกข์ได้ ท่านเข้าถึงบรมสุขได้ เราก็เข้าถึงบรมสุขได้ เพราะสิ่งที่พระองค์นำมาสั่งสอนนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับพระองค์ แล้วท่านได้ถ่ายทอดสั่งสอนโดยไม่มีการปิดบังอำพรางเลย ด้วยความรักและปรารถนาดี ด้วยพระมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น วันนี้เราได้เป็นบรรพชิตแล้ว เป็นสายโลหิตแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ต้องทำตามคำสั่งสอน เดินตามรอยบาทของพระองค์ ท่านสอนให้ทำอย่างไรเราก็ต้องทำอย่างนั้น
เมื่อลูกทุกรูปได้พร้อมใจกันอธิษฐานจิตว่า จะอยู่จำพรรษานี้ ก็ต้องมุ่งมั่นตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มที่ ให้กายวาจาใจเราสะอาดบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นไปทุกอนุวินาที ไม่ให้ใจเราเศร้าหมองโดยอุปกิเลสต่างๆ โดยนิวรณ์ต่างๆ คือ ไม่พึงคิดแบบชาวโลก ไม่พึงประพฤติแบบชาวโลก แต่ให้คิดแบบพระ พูดแบบพระ และทำแบบพระ ถ้าง่ายที่สุดก็คือ ตลอดพรรษานี้ เราจะรักษาข้อวัตร ปฏิบัติธรรม กิจวัตรกิจกรรมไม่ให้ขาดเลย และจะอยู่จำพรรษาที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 รักษาจิตดวงเดียวของเราให้สะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส ในตำแหน่งเดียวกันกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ท่านรักษาใจของท่านไว้ตรงศูนย์กลางกายฐานที่ 7 เพราะว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเดินทางออกจากสังสารวัฏไปสู่อายตนนิพพาน
โดยเฉพาะลูกพระธรรมทายาทที่รักทุกรูป พึงตั้งใจให้ดี เพราะกว่าจะมีวันนี้สำหรับเรานั้น เราต้องทิ้งทุกอย่าง ปล่อยวางทุกสิ่ง และก็วิ่งเข้าวัดมาบวช การทิ้งสิ่งที่คุ้นเคยในทางโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้ที่คุ้นเคยในสิ่งเหล่านั้น ต้องมีผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตรไปเชิญชวนมา กอปรกับบุญเก่าของเราที่ได้สั่งสมเอาไว้ได้ช่องส่งผล เมื่อสองประสานเกิดขึ้น เราจึงได้ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง และก็วิ่งเข้าวัดมาบวชอย่างนี้ เมื่อเราตัดสินใจจะเป็นนักบวชแล้ว ก็จะต้องเป็นนักบวชที่แท้จริง พึงเว้นจากพฤติกรรมแบบคฤหัสถ์ เพราะเรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆของสมณะเราก็ต้องทำอาการกิริยานั้นๆ แต่ก็ไม่ใช่เคร่งเครียด อวดเคร่งให้ใครเขาดูว่าเราเคร่ง แต่เราก็แค่ทำตามพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงวางเนติแบบแผนเอาไว้
เมื่อเรามาเป็นนักบวชใหม่ สิ่งแรกที่เราจะต้องเรียนรู้ คือ รักษาใจให้ใสๆที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ให้ได้ตลอดเวลาในทุกอิริยาบถ และค่อยๆศึกษาเรียนรู้จากพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง ที่ท่านจะถวายความรู้ด้วยความสุขใจ ด้วยความสบายใจ แม้ว่าบางอย่างเราจะไม่คุ้นเคย ต้องฝืนบ้างก็ตาม แต่ถ้าหากลูกมีมรรคผลนิพพานเป็นแก่นสาร หรืออย่างน้อยที่สุดเพื่อสั่งสมเนกขัมมบารมี ต้องการบุญกุศลเพื่อปิดประตูอบายเปิดประตูสวรรค์ให้กับตัวเรา บิดามารดา และบรรพบุรุษของเราแล้วล่ะก็ ต้องเป็นผู้ว่าง่าย สอนง่าย ทำตามได้อย่างง่ายๆ เพราะว่าที่พระอาจารย์พระพี่เลี้ยง ท่านถวายความรู้ ถวายคำแนะนำนั้น ล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักปรารถนาดีอย่างยิ่งว่า ให้การบวชในคราวนี้ของลูกทุกรูปได้สมความปรารถนาอย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้ด้วยดี เพราะฉะนั้น ลูกพระธรรมทายาทที่รักทุกรูป ต้องให้ความสำคัญกับตัวเองในการมาสั่งสมบารมี ในการจะทำพระนิพพานให้แจ้ง และให้ความสำคัญต่อพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยงที่ได้สละเวลาอันมีค่าของท่าน แทนที่จะไปบำเพ็ญสมณธรรมส่วนตัวมาเพื่อเรา
ถ้าเกื้อกูลกันอย่างนี้ได้ พรรษานี้เราก็จะอยู่กันอย่างผาสุก และก็จะเป็นต้นบุญต้นแบบสำหรับผู้ที่จะมาบวชในภายหลัง กิตติศัพท์อันดีงามนี้ก็จะขยายไปในหมู่ของบรรพชิต ซึ่งในขณะนี้วัดร้างก็เกิดขึ้นมากมาย วัดใกล้จะร้างก็ทยอยกันเกิดขึ้น เพราะว่าขาดศาสนทายาท มีแต่พระมหาเถรานุเถระ หลวงปู่หลวงตารักษาวัด วัดละองค์สององค์เท่านั้น แต่ถ้ากิตติศัพท์อันดีงามของพวกเราขยายไปว่า พวกเราได้ใช้ทุกอนุวินาทีเป็นไปเพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม อย่างนี้ก็จะเกิดแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ได้ยินได้ฟัง ที่ยังไม่มาบวชก็อยากบวช ที่บวชแล้วก็อยากจะประพฤติธรรม อยากจะทำตามอย่างเรา และก็มีเป้าหมายพระนิพพานเป็นแก่นสารเช่นเดียวกับพวกเรา ไม่ได้มีความรู้สึกว่าหมดยุคหมดสมัยของการทำพระนิพพานให้แจ้งแล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ไม่กล้าที่จะกล่าวคำว่า “นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ” ไม่กล้าที่จะตั้งความปรารถนาเป้าหมายจะไปพระนิพพาน เพราะคิดเอาเองว่า หมดยุคหมดสมัยแล้ว ความคิดนี้แม้มีอยู่ตามลำพังก็อันตราย ถ้าขยายต่อไปก็ยิ่งเป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา เพราะฉะนั้น ลูกทุกรูปมีความสำคัญต่อการกอบกู้พระศาสนา พรรษานี้จึงเป็นพรรษาที่สำคัญ ถ้าแพ้ชนะกันก็พรรษานี้แหละ
ฉะนั้น ให้ลูกทุกรูปเอาชีวิตเป็นเดิมพัน มุ่งมั่นตั้งใจให้ดี เอาให้ใจหยุดนิ่งให้ได้ ให้ใจเราบริสุทธิ์ให้ได้ แม้ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้าก็ตาม แต่เราก็ได้ชื่อว่าเป็นสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ นึกเมื่อไรเราก็ปลื้ม แล้วก็จะปลื้มไปทุกอนุวินาที ไม่ว่าเราจะอยู่ในเพศสมณะตลอดไป หรือบางท่านมีความจำเป็นจะต้องลาสิกขาไปเพื่อจะไปทำหน้าที่กองเสบียงก็ตาม แต่เมื่อนึกถึงการมาบวชอยู่ร่วมกันในพรรษานี้ นึกทีไรก็ปลื้ม ความปลื้มนี้แหละก็จะขยายจากใจของเราไปสู่คำพูด แล้วก็ไปสู่ผู้ฟัง ใครได้ยินได้ฟังก็เกิดกุศลศรัทธา อยากส่งบุตรหลานมาบวช อยากให้โอกาสตัวเองมาบวช ใครบวชไม่ได้ก็อยากจะสนับสนุนเป็นกองเสบียง เพราะฉะนั้นลูกทุกรูปก็คงจะเห็นแล้วว่า งานกอบกู้พระศาสนานี้เป็นไปได้ ไม่ใช่ความเพ้อฝันหรือพูดกันอย่างเลื่อนลอย
ฉะนั้น พรรษานี้มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันนะลูกนะ สำหรับผู้ที่บวชก่อน มีอายุพรรษาเพิ่มขึ้น วันเวลาของเราก็หมดไปเรื่อยๆ เวลาข้างหน้าเหลือน้อย ฉะนั้นก็ต้องใช้ทุกอนุวินาทีที่จะฝึกใจให้หยุดนิ่ง ให้เข้าถึงสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวของเราให้ได้ เพราะยังมีสิ่งสำคัญที่น่าศึกษาเรียนรู้อีกมากมายรอคอยเราอยู่ ณ ขณะนี้เป็นความลับสำหรับชีวิตเรา แต่ต่อไปไม่ควรที่จะเป็นอย่างนั้น วันใดที่ใจเราหยุดนิ่งได้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 มีความสุข มีความบริสุทธิ์ แสงสว่างเกิดขึ้น มีการเห็นเกิดขึ้น วิชชาเกิดขึ้น ความรู้แจ้งเกิดขึ้น ความลับของชีวิตก็จะถูกเปิดเผย เราจะเห็นชีวิตที่ซับซ้อนอยู่ภายในตัวของเรา และสิ่งที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเลยว่า ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านถึงปรารถนาให้เราหลุดพ้นจากชีวิตในสังสารวัฏ ทำไมพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา ท่านมุ่งไปปราบมาร และก็จะรู้จะเห็นแจ่มแจ้งด้วยตัวของเราเอง เพราะฉะนั้น พรรษานี้ลูกทุกๆรูปต้องให้ความสำคัญ
วันนี้ หลวงพ่อขออนุโมทนาสาธุการ และขออำนวยพรให้ลูกทุกรูปจงมีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง อย่าเจ็บอย่าป่วยอย่าไข้ ให้อายุขัยยืนยาว ได้สร้างบารมีไปนานๆ ให้ปลอดต่อสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อการกุศลและพรหมจรรย์ ให้เข้าถึงพระธรรมกาย เข้าถึงวิชชาธรรมกาย แทงตลอดในวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ จงทุกประการเทอญ